โลหะที่เราจะได้พูดถึงกันวันนี้มีชื่อว่าโรเดียม (Rhodium) เป็นโลหะมีค่าประเภทแพลตินัม ซึ่งมักถูกพบร่วมกับแพล티เนียมและพาลาเดียมในแร่ธรรมชาติ โรเดียมเป็นโลหะที่หายากมาก โดยปริมาณการสำรวจที่พบจะน้อยกว่าทองคำประมาณ 20 เท่า
คุณสมบัติพิเศษของโรเดียมที่ทำให้มันโดดเด่น
โรเดียมมีสีขาวเงินคล้ายกับแพลตินัมและมีความแข็งแรงสูง มีความทนทานต่อการกัดกร่อน และทนต่อความร้อนได้ดีกว่าโลหะอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน
คุณสมบัติ | ค่า |
---|---|
ความหนาแน่น | 12.41 g/cm³ |
จุดหลอมเหลว | 1964 °C |
จุดเดือด | 3697 °C |
ค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัว | 8.0 µm/(m·°C) |
โรเดียมเป็นโลหะที่มีความเงางามสูง และไม่เกิดปฏิกิริยาออกซิไดซ์ที่อุณหภูมิปกติ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ
บทบาทสำคัญของโรเดียมในอุตสาหกรรมยานยนต์
หากพูดถึงบทบาทที่สำคัญที่สุดของโรเดียม ก็คงหนีไม่พ้นการถูกนำมาใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) ในระบบควบคุมมลพิษของรถยนต์ โรเดียมมีประสิทธิภาพสูงในการแปลงก๊าซพิษจากท่อไอเสีย เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และไฮโดรคาร์บอน (HC) ให้เป็นก๊าซที่ไม่มีพิษต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้โรเดียมในตัวเร่งปฏิกิริยาช่วยลดมลภาวะทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ โรเดียมจึงได้รับความนิยมจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก
กระบวนการผลิตและการกลั่นโรเดียม: การท้าทายของโลหะหายาก
เนื่องจากโรเดียมเป็นโลหะที่พบได้น้อยในธรรมชาติ กระบวนการแยกและกลั่นจึงมีความซับซ้อนและมีราคาสูง
- การสกัดแร่: โรเดียมมักถูกค้นพบในรูปของแร่ Sulfide เช่น Pentlandite, Chalcopyrite และ Pyrite
- การหลอมโลหะ: แร่จะถูกบดเป็นผงละเอียด และนำไปผ่านกระบวนการหลอมที่อุณหภูมิสูง
- การกำจัดสิ่งเจือปน: หลังจากหลอม โลหะ noble จะถูกแยกออกจากสิ่งเจือปนอื่นๆ เช่น กำมะถันและเหล็ก โดยใช้วิธี electrochemical refining
อนาคตของโรเดียม: ความต้องการที่เพิ่มขึ้นและการทดแทน
ความต้องการโรเดียมในอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังคงสูงขึ้น เนื่องจากมาตรฐานมลพิษทางอากาศที่เข้มงวดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาของโรเดียมที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มองหาเทคโนโลยีตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่ๆ ที่ใช้โลหะที่มีราคาถูกกว่า เช่น Palladium และ Platinum
ในอนาคต เราอาจจะเห็นการใช้โรเดียมร่วมกับโลหะอื่นๆ เพื่อลดต้นทุนในการผลิต
บทสรุป: โรเดียม - โลหะมีค่าที่ทรงคุณค่า
โรเดียมเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่น ทำให้มันมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์
ถึงแม้ว่าราคาของโรเดียมจะสูง และความต้องการของโลกอาจจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นโลหะที่มีค่าและมีความจำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย